สภาประชาสังคมชายแดนใต้ชี้ไม่ควรเพิ่มบรรยากาศการเผชิญหน้า ต้องหาวิธีคลี่คลายลดความขัดแย้งด้วยการพูดคุย เสนอให้ศอ.บต.เป็นตัวนำในการประสานเปิดเวที รักชาติ สุวรรณ ชี้ภาคประชาสังคมด้วยกันควรทำงานด้วยกันไม่ควรขับไล่ใคร รวมทั้งไม่ควรผลักผู้คัดค้านไปเป็นบีอาร์เอ็น เกรงความขัดแย้งขยายตัว
นายรักชาติ สุวรรณ ประธานสภาประชาสังคมชายแดนใต้โพสต์ในเฟซบุ้กข้อความจากสภาประชาสังคมชายแดนใต้เมื่อวันที่ 8 กค.ที่ผ่านมากล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งกรณีโครงการสร้างนิคมอุตสาหกรรมจะนะและความพยายามของสภาฯที่ได้ประสานให้มีการพูดคุยกันระหว่างกลุ่มคัดค้านโครงการและกลุ่มนักวิชาการที่สนใจในปัญหาดังกล่าวกับผู้แทนของศอ.บต. แต่ไม่ประสบผลในการทำให้มีการพบปะกัน
นอกจากนั้นสเตตัสดังกล่าวยังแสดงความวิตกว่าการมีบางส่วนของภาคประชาสังคมออกมาประท้วงขับไล่นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการรพ.จะนะ สงขลาในฐานะแกนนำการคัดค้าน
“ภาคประชาสังคมฯเกรงว่ากลุ่มคนทั้งสองฝ่ายจะเผชิญหน้าและอาจเกิดการปะทะจนเป็นความขัดแย้งและความรุนแรงระลอกใหม่” โพสต์ของสภาประชาสังคมชายแดนใต้กล่าว
นายรักชาติกล่าวกับ Patani NOTES เพิ่มเติมว่า กรณีความขัดแย้งโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะนั้นเป็นกรณีที่น่าวิตกเพราะดูเหมือนกำลังมีการเผชิญหน้ากันระหว่างคนในภาคประชาสังคมด้วยกัน ซึ่งอันที่จริงควรจะทำงานด้วยกันมากกว่า และตนเห็นว่านพ.สุภัทรเองก็เป็นคนทำงานในภาคประชาสังคมเช่นกัน
ประธานสภาประชาสังคมกล่าวว่าประเด็นของเรื่องจะนะในเวลานี้ควรที่จะมีการพยายามลดความตีงเครียดและความขัดแย้งลงและแสวงหาวิธีการคลี่คลายปัญหาอย่างสันติกล่าวคือด้วยการพูดคุย ซึ่งสภาฯเองก็พยายามดำเนินการ ดังที่ได้พยายามประสานกับศอ.บต.เพื่อให้ได้พูดคุยกับนักวิชาการและกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วย แต่ยังไม่เป็นผล “ถ้าไม่พูดคุยกัน ไม่สร้างบรรยากาศ ผมเกรงว่าความขัดแย้งที่เกิดโดยรัฐมันจะมีแน่นอน ความขัดแย้งนี้จะเรียกได้เต็มๆว่าเป็นของพื้นที่สี่จังหวัด”
นายรักชาติเรียกร้องว่า สิ่งที่สภาประชาสังคมฯอยากเห็นในเวลานี้คือการที่ศอ.บต.ออกมาแสดงจุดยืนว่าไม่ต้องการความขัดแย้งและยังเสนอด้วยให้ศอ.บต.เป็นตัวกลางในการเปิดเวทีให้มีการพูดคุย ซึ่งตนเชื่อว่าแม้จะมีการแสดงความคิดเห็นคัดค้านหรืออาจพูดคุยไม่ลงตัว แต่อย่างน้อยที่สุดเชื่อว่าจะช่วยลดความร้อนแรงของบรรยากาศลงได้บ้าง และที่ผ่านมาก็มีผู้ที่ต้องการจะพูดคุย นั่นคือกลุ่มนักวิชาการที่สนใจในปัญหาความขัดแย้งในโครงการนี้ พร้อมกับชี้ว่าการที่ศอ.บต.เองก็ทำงานคลี่คลายความขัดแย้งมาโดยตลอดเชื่อว่าน่าจะเข้าใจในเรื่องนี้ได้ดี
นอกจากนี้นายรักชาติแสดงความวิตกว่า มีความพยายามของบางฝ่ายในการทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้นด้วยการผลักผู้ไม่เห็นด้วยไปเป็นฝ่ายขบวนการ “มีเพจบางเพจผลักคนที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการไปเป็นบีอาร์เอ็น”
อีกประเด็นหนึ่งที่เขาเห็นว่าไม่ควรนำขึ้นมาเป็นข้อโต้แย้งในการสนทนาเรื่องโครงการจะนะก็คือประเด็นที่มีผู้บอกว่า ผู้คัดค้านโครงการเป็นคนนอกพื้นที่ “ผมว่าคนที่ไปสร้างก็เป็นคนนอกพื้นที่เหมือนกัน อีกอย่าง เรื่องสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ ท้องทะเล ทุกคนมีสิทธิที่จะหวงแหน”
สำหรับในข้อเรียกร้องของสภาประชาสังคมชายแดนใต้ตามโพสต์ในเฟซบุ้กระบุไว้สามข้อ ข้อแรกเป็นการให้กำลังใจนพ.สุภัทร ข้อสองเรียกร้องให้ศอ.บต.เปิดเวทีพบปะพูดคุยกับผู้ไม่เห็นด้วย ข้อสาม เรียกร้องให้ผู้อำนวยการศอ.บต.ทบทวนการทำหน้าที่รวมทั้งการเตรียมการประชุมเวทีสภาสันติสุขอำเภอจะนะที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 กค.ที่โพสต์ดังกล่าวระบุว่า มีข้อมูลว่ามีการเตรียมกำลังพร้อมสกัดกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วยกับโครงการ
อนึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 กค.ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางไปขับไล่นพ.สุภัทรเนื่องจากขัดขวางโครงการดังกล่าว