Written by 1:17 am Environment, Featured, Food, Health, Interviews, Patani Notes

วิกฤติโควิดกลายเป็นโอกาส

การเริ่มต้นมันไม่ได้ยิ่งใหญ่ มันเริ่มจากกระถางเล็ก ๆ ในช่วงกลับมาต้องกักตัว 14 วัน เท่ากับระยะเวลาการเพาะเมล็ด

วิกฤตโควิดกลายเป็นโอกาสเริ่มต้นฟาร์มผักออแกนิก ของ นาซูฮา เล๊ะนุ๊ จากคนที่ออกไปทำงานต่างจังหวัด ต้องกลับมาอยู่บ้าน ตั้งแต่ รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ปลายเดือนมีนาคม 2563 สถานที่ทำงานหลายแห่งต้องปรับตัวหรือหยุดทำงานชั่วคราว  ที่ทำงานของนาซูฮาเองก็เช่นกัน ขณะนั้นเธอทำงานอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต  และเจอผลกระทบเต็ม ๆ เพราะต้องทำงานประสานกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

นาซูฮาบอกว่าโควิดทำให้กลับบ้านเร็วกว่าที่คิด จากที่เคยคิดว่าออกไปทำงานข้างนอกเก็บเงินซักระยะ แล้วค่อยกลับมาสานฝัน คือฟาร์มผักออแกนิก ซึ่งเธอบอกว่านี่เป็นสิ่งที่เธอคิดมาตลอดว่าอยากจะทำ และได้ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้าน อยู่กับพ่อ แม่

“ไม่ได้เสียดายงานที่ผ่านมา แต่รู้สึกดีที่ช่วงชีวิตหนึ่งเราได้ทำงานสายอาชีพที่ไม่ค่อยมีโอกาสทำ ”

ในวันที่ทีม Patani NOTES ไปเจอกับเธอ เธอเตรียมผักสด ๆ ของเธอเอง พร้อมกับอุปกรณ์สำหรับทำส้มตำ วางบนแคร่เล็ก ๆ ข้างบ้าน รอบบ้านเธอมีแปลงผักสลัดหลากหลายชนิดหลายแปลง รวมถึงพันธ์ดอกไม้ต่าง ๆ ที่เธอปลูกไว้ขายทั้งเมล็ดและดอกไม้สดที่กินได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิ่งใหม่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้

“คิดว่าจะกลับมาปลูกผักที่คนไม่ค่อยปลูก มันจะมีคำอยู่ในหัวตลอดที่เขาว่า ภาคใต้ปลูกผักสลัดไม่ได้ เพราะเขาคิดว่าต้องปลูกในที่อากาศเย็น ก็เลยมาปลูกผักสลัด หลังจากนั้นจะไม่สั่งพวกเมล็ด แตง ถั่ว จะสั่งอะไรที่แปลก ๆ อย่างเช่นกวางตุ้งดอกไม้ไฟ มันบานมาก คนมาเห็นก็ตื่นเต้น เขาไม่เคยเห็น เช่นผักสลัดหลายชนิด เราก็ไม่เคยกินมาก่อน เลือกที่จะเอามาปลูกเพื่อจะได้รู้ว่ามันเป็นยังไง”

นาซูฮา ใช้ชีวิตอยู่กับแปลงผักออแกนิกของเธอมาร่วมปีครึ่ง เธอบอกว่าเป็นปีที่ทำความรู้จักผักสลัดและวิธีการปลูกต่าง ๆ เธอต้องลองผิดลองถูกมาก็หลายครั้ง

“ทุกอย่างคือความไม่รู้ ไม่เคยทำมาก่อน แต่มีความตั้งใจว่าอยากทำอันนี้ ทำกับแมะ(แม่) พอฝนตกก็โยกเข้ามาในร่ม เพราะต้นกล้ามันกระเด็น แดดออกก็เอาออกไปอีก ถ้ามันร้อนเกินไป ต้องมีสแลนดำ เราไม่ได้รู้ 1,2,3,4 แต่เราทำ แล้วก็อ้าวไม่ใช่นี่นา ก็ไปหาคำตอบว่าต้องทำยังไง เช่นดินที่เราปลูก แล้วต้นไม้เหลือง เราก็ต้องไปหาว่าทำไม ”

หลังจากเริ่มพอใจในผลงานการปลูกผักสลัดแบบไม่ใช้สารเคมีใด ๆ ในชื่อ Rganic Farm  นาซูฮา บอกว่าเริ่มอยากจะเปลี่ยนสีแปลงผักให้มีสีอื่นบ้าง จึงเป็นที่มาของการปลูกดอกไม้กินได้

“แรก ๆ จะเป็นดอกไม้อะไรที่บานไว ๆ ก็ซื้อคุณนายตื่นสายมาหนึ่งร้อยสี ทุกอย่างซื้อมาหมดเลย พอมาปลูกดอกไม้กินได้ มันคือความใหม่กว่าผักอีก เพราะว่าเมล็ดดอกไม้กินได้ทั้งหมดคือไม้เมืองหนาวหมดเลย ที่มันปลูกและบานได้ที่บ้านเรา”

แต่นาซูฮา บอกว่าตลาดดอกไม้กินได้ราคาค่อนข้างสูงและดอกไม้มีความบอบบาง บางทีการขนส่งและการเก็บรักษาทำได้ไม่ดีพอ จึงหันมาขายแต่เมล็ดพันธุ์ของดอกไม้กินได้ ซึ่งทำให้เธอค้นพบว่า ตลาดนี้ยังไปได้ดีและไปได้ไกล แต่ก็ยังต้องใช้ความทะนุถนอมเมล็ดมากเช่นกัน

ตอนที่ต้องแพ็กเมล็ดต้องอารมณ์ดีมาก ๆ มันต้องเรียง ไม่งั้นกลีบมันจะช้ำ โดนมือก็ช้ำ ขายเมล็ดได้ตอนแรกช่วงเดือนกุมภาปีนี้ ขายตอนแรกแถมไปมากกว่าที่เขาซื้ออีก ให้หมดเลย

นาซูฮา บอกว่าเธอใช้เวลากับการขายและหาข้อมูลเมล็ดพันธุ์ดอกไม้กินได้อยู่นาน และอธิบายสิ่งต่าง ๆ ของเมล็ดพันธ์ให้กับลูกค้าละเอียดยิบ

“เมล็ดที่หนูขาย หน้าซองเขียนเหมือนเขียนจดหมายเลย จนมีคนบอกว่าอยากซื้อเมล็ดเพราะอยากอ่านจดหมาย ก็เลยใช้เวลาเยอะกับเมล็ด จะทำใจพริ้นหรือปั๊มก็ไม่ได้อีก นี่คือเขียนมือใช้ปากกาเยอะมาก สิ่งที่เราเขียนคือสิ่งที่เราคุยกับเขาคนนั้นคนเดียวเฉพาะ ไม่ได้ใช้กับอีกคนด้วย”

จนถึงตอนนี้ เมื่อถามเธอว่า สิ่งที่ทำมาตลอดเวลาปีครึ่ง ใช่สิ่งที่ต้องการจริง ๆ หรือเปล่า เธอตอบว่า “ใช่” พร้อมกับลุกขึ้นสตาร์ทรถไถคันเล็ก ๆ ไถดินเตรียมปลูกผักต่อไป

(Visited 273 times, 1 visits today)
Close